พฤศจิกายน 27, 2024

“ดิ๊บ บอยสเก๊าท์” ควงภรรยาอายุห่าง 18 ปี เคลียร์ใจ! หวิดเลิก! จนต้องจูงมือกันเข้าศรีธัญญา?

ซุปตาร์ ยุค90 อย่าง ดิ๊บ บอยสเก๊าท์ ที่วันนี้ควงศรีภรรยาอายุห่างกว่า 18 ปี เคลียร์ใจถูกเข้าใจผิดคิดว่าดิ๊บเป็นเกย์ แล้วทำไมคบกันแค่ 1 เดือนแต่งงานเลย พร้อมเผยครั้งแรกร่วมทุกข์ ร่วมสุขกันมากว่า 8 ปี แต่เมื่อต้นปี 64 เกือบต้องแยกทางกัน ถอดแหวนแต่งงาน เก็บข้าวของเตรียมเลิก แล้วอะไรทำให้ต้องจูงมือกันเข้าโรงพยาบาลศรีธัญญา โดยทั้งหมดนี้ทั้งคู่จะมาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์, เป็กกี้ ศรีธัญญา และอาจารย์เป็นหนึ่ง เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

เห็นว่ากว่าจะได้ลูกมาจีบแม่ 1 เดือนแต่งงานเลย?
ดิ๊บ : ใช่ครับ เราน่าจะมีเคมีที่ตรงกัน 1.เป็นนักร้องเหมือนกัน เห็นแล้วรู้สึกใช่เลยในทันที
โดนัท : ตอนแรกเจอกับพี่ดิ๊บไม่รู้ว่าคือใคร เพราะว่าเกิดไม่ทัน ก็เจอกันครั้งแรกคิดว่าเขาเป็นเกย์ สมัยก่อนเขาแต่งตัวไม่ใช่ลุคแบบนี้ เขาจะเป็นอารมณ์แบบเสื้อยืดฟิตๆ กางเกงขาสั้นแบบเลยเข่า ที่สำคัญกระเป๋ากลังเขาจะปักรูปเพชรเป็นผีเสื้อ แล้วเดินตูดบิดๆ เราก็คิดว่าคนนี้เป็นเกย์แน่นอน ยิ่งไปดูไทม์ไลน์ถ่ายรูปกับดาราเยอะมาก เราก็งงสงสัยเป็นช่างแต่งหน้าหรือเปล่า

แล้วเรามารู้เมื่อไหร่ว่าเขาคือ ดิ๊บ บอยสเก๊าท์ ?
โดนัท : รู้ตอนที่เขาพูดว่า รู้จักไหมว่าเขาคือใคร
ดิ๊บ : เขาใช้คำพูดผิด บอกว่าพอจะตำได้ไหม

พอรู้แล้รู้สึกยังไง?
โดนัท : เฉยๆ แต่ตอนแรกคิดว่าเขาน่าจะมาหลอก เพราะว่าเราเหมือนมีอคติกับคนมีชื่อเสียง แล้วเขาจะมายุ่งกับเราทำไม คิดว่าเขากะมาจีบแล้วก็ไป

แล้วอะไรที่ทำให้ตกลงรักกัน?
ดิ๊บ : ตอนแต่งงานกับเขา เขาอายุเพิ่งจะ 20 เอง

แสดงว่าพี่ดิ๊บจีบเราหนักมาก?
ดิ๊บ : เฉยๆ ธรรมดา แต่ว่าที่ตกลงยอมแต่งงาน เพราะเขาหลอกไปต่างจังหวัด แล้วเขาไปขอแต่งงานกลางรายการ แล้วเราปฏิเสธไม่ได้ เพราะออนแอร์อยู่ แต่ถามว่าถ้ารายการไม่ออนแอร์อยู่เราก็น่าจะเซเยสเพราะเขาขอแบบเซอร์ไพรส์ เราไม่อยากห้กหน้าเขา

ตอนนั้นประทับใจไหม?
ดิ๊บ : บอกเขาไปก็ได้ว่าชอบ
โดนัท : ตอนแรกก็ชอบ แต่ยังไม่ได้รักอะไรมาก ถ้ารักจริงๆ จังๆ ก็น่าจะเป็นช่วงแพ้ท้องหนักๆ 

ตอนนี้ก็คบกันมา 8 ปีแล้ว?
ดิ๊บ : จริงๆ ผมไม่รู้เรื่องอายุด้วยนะ เขาเด็กเอง ผมไม่ผิด 

อายุห่างกันเท่าไหร่?
ดิ๊บ : 18 ปีครับ

มันมีปัญหาเรื่องช่องว่างของอายุไหม?
ดิ๊บ : มีเยอะเลยครับ คือถ้าเราเป็นผู้ใหญ่เราก็มีแพลนในชีวิตเยอะแยะ ความคาดหวังสูง พอเรามีความคาดหวังสูง มันก็จะมาพร้อมกับการตัดสินคนด้วยประสบการณ์ของตัวเอง เพราะฉะนั้นช่วงนี้มันก็จะต่างกัน
โดนัท : ตอนนั้นอารมณ์แบบวัยรุ่น ก็จะมีเอาแต่ใจตัวเอง แล้วก็คิดว่าอยากออกไปผจญโลก อยากออกไปใช้ชีวิตกับเพื่อนบ้าง เพราะว่าวัยรุ่นอยากมีชีวิตเป็นของตัวเอง อยากไปเรียนต่อเมืองนอก อยากไปทำงานต่างประเทศ

ทำใจและปรับตัวยังไง?
โดนัท : ตั้งแต่คบกันมา หวิดจะเลิกกันตลอดเลย

ทีมงานเล่าให้ฟังว่าทะเลาะกันบ่อยมาก?
โดนัท : เพราะว่ามันเป็นที่ช่วงวัยด้วย แล้วโดนัทเป็นคนใจร้อน แล้วพี่ดิ๊บเป็นคนที่แบบทะเลาะแล้วกวนตีน เขาชอบเงียบแล้วทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วเขาก็เดินหนี
ดิ๊บ : ความรู้สึกเรายิ่งอยู่ตรงนั้นทันยิ่งทะเลาะ มันยิ่งรุนแรงขึ้น เราก็เลยเหมือนทำใจให้มันเย็นลง แล้วก็ออกไปก่อน แล้ววันหลังเราค่อยมาคุยกันได้ไหม
โดนัท : เหมือนมันแต่งงานกันเร็วไปด้วย เพราะยังไม่ได้ศึกษากันว่านิสัยของแต่ละคนเป็นยังไง
ดิ๊บ : ถ้าศึกษากันเยอะก็ไม่ได้แต่งหรอก แต่ตอนนี้หลังจากที่เราเข้าไปรักษาแล้ว เราไม่ได้รักษาแบบกินยาอะไรนะ ต้องขอบคุณนักจิตวิทยาที่โรงพยาบาลศรีธัญญา ที่งามวงศ์วาน ด้วย เขาให้คำแนะนำเราแบบดีมาก จริงๆ เราไปเกือบทุกปีเลย

เริ่มไปปีไหน?
ดิ๊บ : เริ่มไปตั้งแต่ก่อนแต่งงาน ตอนแต่งงานทะเลาะกันมากจะเอานู่น เอานี่
โดนัท : คือช่วงอายุของการคบกัน มันก็จะมีปัญหาหลายๆ อย่างเข้ามาตลอดเลย ซึ่งถ้าเป็นแบบคู่อื่นเขาอาจจะไม่รู้ว่ามีการปรึกษา ให้การแนะนำโดยนักจิตวิทยา ช่วงแรกก็ปิดใจ พอพี่ดิ๊บมาพูดกับเราว่า ยังรักกันอยู่ไหม เราก็บอกว่ารัก งั้นก็มาหาทางออกแล้วกัน เราก็เลยจูงมือกันเข้าไปปรึกษาคนกลาง เพราะว่าถ้าให้เราปรึกษาเพื่อนพี่ดิ๊บ หรือให้พี่ดิ๊บมาปรึกษาเพื่อนเรามันก็จะไม่ใช่คนกลาง
ดิ๊บ : ถ้าปรึกษาญาติผู้ใหญ่มันก็จะเลยเถิด
โดนัท : ใช่ เพราะฉะนั้นเราเลยเปิดใจ ช่วงแรกๆ มันเป็นทุกคนว่าแอนตี้ไม่อยากเอาเรื่องในบ้านไปเล่าให้คนข้างนอกฟัง

คนนอกคือคนของโรงพยาบาลศรีธัญญา คุณไปปรึกษาไม่กลัวคนอื่นคิดว่าเป็นบ้าเหรอ?
ดิ๊บ : ไม่ครับ มันจะเป็นแผนกปรึกษาปัญหาครอบครัว และสำคัญที่สุดคือไม่เสียเงิน

มันหนักขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงต้องเข้าไปรับคำปรึกษา?
ดิ๊บ : ไม่ ที่เราไป เราไม่ได้เห็นแค่เป็นสามี-ภรรยา ผมเห็นแบบคุณอา มากับลูก คุณแม่มากับลูก คุณพ่อมากับลูก บางทีคนเราเขาเรียกว่าเป็นความสัมพันธ์ไม่ใช่คู่ชีวิต ความสัมพันธ์ในครอบครัวบางทีมันไม่ตรงกัน บางทีเราต้องหาคนที่เข้ามาช่วยพูด ช่วยเจรจา เหมือนเป็นกระจกสะท้อนแต่ละฝ่าย

เห็นว่าบอกเลิกกันบ่อยมาก?
โดนัท : ใช่ 
ดิ๊บ : ผมไม่ได้บอก เขาเลิกผมเลยนะ เลิกอยู่คนเดียวเลย เดี๋ยวนู่นก็เลิก เดี๋ยวนี่ก็ถอดแหวน แล้ววางไว้ตัวหายไปไหนก็ไม่รู้

ที่ต้องปรึกษานักจิตวิทยา เพราะว่ามันถึงจุดอิ่มตัวของชีวิตคู่หรือเปล่า?
โดนัท : ใช่ ล่าสุดที่เราไปมาช่วงมกราคมก็คือทะเลาะกันหนักมากๆ แล้วเราตัดสินใจแล้วว่าเราเลิกแน่นอน เพราะว่าเราไม่ไหวแล้ว มันเหมือนกับว่าเราไม่ได้ทะเลาะกันรุนแรง ไม่ได้ใช้ความรุนแรงอะไรเลย แต่พอมันถึงจุดที่เรามีลูก แล้วชีวิตสามี-ภรรยา มันต้องถูกแชร์ให้กับอีกคน มันเลยทำให้เหมือนกับอิ่มตัว แล้วเราก็เหมือนเบื่อซึ่งกันและกันด้วย เริ่มอยากไปมีชีวิตเป็นของตัวเอง ก็ทะเลาะกัน ถอดแหวนเก็บ แล้วไปหาคุณหมอ คุณหมอเขาพูดมาคำนึงว่าสุดท้ายแล้วตัดสินใจเอาเองว่าจะใช้ชีวิตแบบไหน แต่ถ้าคิดว่ายังรักกันอยู่ก็มาหาทางออกซึ่งกันและกันดีกว่า

แล้วได้เจอทางออกไหม?
โดนัท : เจอนะคะ เขาก็มีสติมากขึ้นจากการได้ยินนักจิตวิทยาพูดให้ฟัง เราก็มีสติมากขึ้น มองเห็นว่าตัวเราไม่ได้ถูกไปซะทุกเรื่อง ตัวเขาเองก็ไม่ได้ถูกไปซะทุกเรื่อง ถ้าเรายอมลดคนละครึ่งแล้วมาเจอกันตรงกลาง มันก็จะทำให้ความสัมพันธ์ครอบครัวไปต่อ และที่สำคัญเลยคือลูกด้วย เวลาเราทะเลาะกันหรือเขาเห็นเราซึมๆ เขาก็จะเดินมาถามแล้วแม่เป็นอะไร ปะป๋าทำอะไรแม่แม่เหรอ ถ้าป๋าทำเดี๋ยวฟาไปจัดการให้

เห็นว่าระหว่างที่ปรึกษามีทะเลาะกันต่อหน้านักจิตวิทยาด้วย?
โดนัท : มีตลอดอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ทะเลาะกันรุนแรง เราแค่เถียงกัน  เหมือนแบบไม่ยอมรับความจริงไง  จนคุณหมอให้แยกคุย ปรึกษาทีนึง 3 ชั่วโมง แล้วคุณหมอไม่เคยบ่นอะไรเลย แล้วฝากการบ้านให้ไปทำตลอด

แล้วทำไมน้องถึงชื่อฟาฟา?
โดนัท : ตอนแรกจะให้ชื่อ น้องกุญแจฟาดีไหม พอดีไปสะดุดหนังเรื่องพรจากฟ้า แล้วนางเอกชื่อฟา แล้วอีกอย่าง แม่เป็นนักร้อง พ่อก็เป็นนักร้อง เราก็เลยให้ชื่อน้องฟา แต่สมัยนี้สักสองพยางค์แล้วกัน เป็น ฟาฟา ไม่เหมือนใคร

แต่พี่ดิณบกลัวมากไม่กล้ามีลูก เพราะอะไร?
ดิ๊บ : คือบางทีเราอยากจะไปในสิ่งที่เราทำบ้าง ไปเที่ยวไปอะไรอย่างนี้ใช้ชีวิตแบบไม่ต้องมีภาระรับผิดชอบ

แต่ภรรยาเขาเม้าท์ว่าไม่อยากมีลูก เพราะกลัวอยู่ไม่ถึงลูกรับปริญญา?
ดิ๊บ : ถึงดิ ไม่ถึงได้ยังไง

แสดงว่าคนนี้โดนัทอยากมี?
โดนัท : ตอนแรกอยากมี แต่พอมีจริงๆ แล้วไม่กล้ามีอีกเลย

ใช้เวลา 4 ปีในการผลิตน้องฟาฟา?
ดิ๊บ : มันทรมานมาก
โดนัท : มันไม่ได้มีกันง่ายๆ 
ดิ๊บ : ทริคมันเยอะมากเพราะว่าถ้าคุณคิดจะมีลูกสาว ช่องคลอดจะต้องเป็นด่าง
โดนัท : ต้องยกขาสูง ยกขาลอย แล้วต้องนับวันที่ไข่ตกด้วย

ทำให้เป็นด่างคืออะไร?
โดนัท : อาจจะใช้น้ำส้มสายชูล้างก่อน แต่เรายังไม่เคยล้างนะ เราแค่ศึกษา
ดิ๊บ : อันนี้เรื่องจริง 
โดนัท : แล้วพอท้องปุ๊บ แพ้ท้องหนักมาก จะฆ่าตัวตายตลอดเวลา อยู่คนเดียวไม่ได้
ดิ๊บ : เขาคลานไปกับพื้นเลยครับ
โดนัท : เหมือนผีเข้า ช่วงเดือน สองเดือน
ดิ๊บ : อันนั้นกินยาจริงๆ เข้าโรงพยาบาลจนคุณหมอบอกว่าต้องพอแล้วนะ เพราะมันสุดแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นมันจะมีผลกับเด็กแล้ว  เหมือนจะ 4 เดือนแล้วอะไรอย่างนี้
โดนัท : แล้วเราอยากทำแท้งตลอดเวลา เพราะว่าไม่อยากมีแล้ว เราทรมานกับร่างกาย แล้วอีกอย่างตอนนั้นเราเด็กด้วย

เห็นบอกว่าตอนที่ท้องใหม่ๆ ดิลกับภรรยาห้ามสปอยลูก ห้ามตามใจลูกเด็ดขาด แล้วสุดท้ายตอนลูกเกิดมาภรรยาสปอยลูกขนาดไหน?
ดิ๊บ : ของเล่นมีทุกอย่าง

แต่เห็นบอกแพ้พี่?
ดิ๊บ : เวลาเขาจะมาขอของเล่น เขาจะบอกว่าชอบอันนี้จังเลย เขาก็เปิดแอพเอามาให้ดู เราก็จัดการซื้อเลย
โดนัท : แต่ถ้าไปเดินห้างเราจะไม่ซื้อให้เลย 
ดิ๊บ : เราให้เขารู้จักกับความผิดหวังบ้าง
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์  เวลา13.30-14.30 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

You may have missed